พระเนื้อเมฆสิทธิ์ ลป ทับ วัดอนงค์

เป็นพิมพ์กริ่งวัดสุทัศน์อีกองค์ที่สวย มีทองคำ3.98%เหตุที่มีทองคำปนเข้ามา ต้องดูเจตนาในการ"เล่นแร่แปรธาตุ"คือต้องการให้เป็น"ทองคำ"แต่ไปไม่ถึงได้แค่"เมฆสิทธิ์"ซึ่งเป็นแร่ธาตุโลหะที่ในโลกนี้ไม่มีคนรู้จัก ได้ทองคำมานิดหน่อย การสร้างแต่ละครั้งมักจะไม่มีทองคำปน น้อยครั้งที่จะมี และก็ยังได้ตัวหลักคือทองแดง(เมฆสิทธิ์)95.21%เมื่อมีทองคำปน ทำให้สีสรรสวยขึ้น
คุณสมบัติข้อ3)สี..เป็นสีของเปลือกหุ้ม ออกเป็น"สีเหลือบๆ"เขียว-เหลือง-แดง มาจากการผสมของเนื้อในที่เป็นสีเงินยวงผสมกับสีที่เปลือกหุ้ม โดยใช้การสะท้อนของแสงจากเปลือกหุ้มเข้าสู่ตาเรา จะเห็นว่าสภาวะของแสงกลางวันกับกลางคืน ทำให้สีไม่เหมือนกัน
4)มีความ"เปราะ"จะแตกง่ายเมื่อเทียบกับ"ทองแดง"จริงๆเครื่องตรวจบอกเป็นทองแดง แต่จะเปราะไม่เท่ากันในแต่ละองค์คือ บางองค์"หล่น"ลงพื้นก็แตก บางองค์แค่ผิวกระเทาะ ต้องดูค่า"intensity"คือความมวลสารที่อัดแน่น ที่เครื่องตรวจบอกมา มีค่ามากจะแตกยากกว่า เมื่อ"แตกหรือกระเทาะ"ก็จะเห็น"เนื้อใน"สีเงินยวงทุกองค์
5)คราบสีดำๆแดงเข้มที่ติดตามผิวหรือซอก เรียกว่า"ขี้เมฆสิทธิ์"ต้องมีทุกองค์ เกิดจากการ"ขับออก"ของส่วนที่ไม่ได้ใช้ออกมาที่ผิวพร้อมๆกับการสร้าง"เปลือกหุ้ม"ตอนที่อุณหภูมิเย็นลงในแม่พิมพ์ เกิดมาพร้อมกับการ"ก่อเกิด"ของเนื้อเมฆสิทธิ์ เป็นสิ่งที่ล้างออกง่ายผิวไม่เสีย
6)ผิวนอก..มันวาวลื่น เพราะเป็นเปลือกหุ้ม เทียบได้กับผิวของ"รถยนต์"ที่ไปขัดเคลือบสีหากเป็นเนื้อทองแดงหรือโลหะผสม สีจะด้านๆคล้ายๆสีรองพื้นหรือสีที่"โป๊วรถยนต์"
7)"น้ำหนัก"คือมีน้ำหนักที่หนักคล้ายทองคำ จับขึ้นมาก็พอรู้สึกได้ แต่ถ้าจะให้เป็น"รูปธรรม"ต้องใช้"พิมพ์ลูกอม"โดยวัด"ขนาด"และเอามา"ชั่งน้ำหนัก" แล้วเทียบกัน เนื้อเมฆสิทธิ์จะหนักกว่าเนื้อทองแดงหรือโลหะผสมมากกว่า10% ผมกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ จะมาเสนออีกครั้ง
ทั้งหมดนี้เป็นคุณสมบัติของเนื้อเมฆสิทธิ์(เท่าที่รู้)จะต้องมีครบทุกข้อ ขาดข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้ ส่วนคนนิยมล้างเพื่อทดสอบว่าต้องได้"เนื้อขาวๆ"ก็ใช่ครับ ที่"ขาวๆ"ก็คือ"เนื้อใน(เงินยวง)"ที่อยู่ภายใต้เปลือกหุ้ม ไม่ต้องใช้น้ำยาแรงๆแล้วขัดถูก็ได้ แค่แช่ไว้เฉยๆในน้ำเปล่าก็"ขาว"แล้ว ใช้เวลาไม่เกิน1เดือนก็เห็นเอง